ตัวอย่างทดลองอ่าน วิลาลีแอบชำเลืองมองหน้าสามีนิด ๆ แล้วต้องอมยิ้ม ที่เขากำลังแสดงความเป็นเจ้าของเธอกับลูกอยู่ “ เจ็ทคะนี่คริสต์กับพอลล์ลูกชายของเขาเพื่อนบ้านที่แสนดีของฉันค่ะ คริสต์ค่ะนี่เจ็ทสามีของฉันค่ะ เขาเพิ่งว่างจากงานก็เลยเพิ่งมีโอกาสมาหาฉันกับลูกน่ะค่ะ” เธอแนะนำทั้งสองฝ่ายอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพราะเธอไม่แน่ใจว่าตอนที่เขาสองคนเจอกันข้างนอกนั่นได้แนะนำตัวกันหรือยัง “ ผมกับเขารู้จักกันแล้วมายเลิฟ แต่ทำไมคุณไม่พาภรรยามาด้วยล่ะคริสต์” เจ็ทถามตรง ๆ เพราะเขาก็อยากรู้ ถึงแม้จะแน่ใจว่าอีกฝ่ายคงเป็นพ่อหม้าย “ เจ็ทคะ คริสต์กับลอล่าแยกกันอยู่น่ะค่ะ” วิลาลีพูดให้สามีรับรู้เพียงผิวเผิน เพราะไม่อยากให้กระทบกับความรู้สึกของหนุ่มน้อยที่นั่งกินคุกกี้อยู่ใกล้ ๆ กับบิดาของเขา เจ็ทมองตามสายตาของภรรยาแล้วก็เข้าใจ “ ขอโทษครับ” แล้วจึงสนทนากันด้วยเรื่องอื่น ๆ ทั่วไป ประมาณยี่สิบนาทีคริสต์กับลูกชายก็ขอตัวกลับ เมื่อแขกกลับไปแล้ว วิลาลีจึงหันไปมองหน้าสามีที่ยังอุ้มลูกสาวอยู่ “ คริสต์ก็กลับไปแล้ว ทีนี้ก็ตาคุณบ้างนะคะเจ็ท” เธอมองเขานิ่งไม่มีรอยยิ้มให้เห็นแม้แต่นิด “ ผมทำไม มายเลิฟ” เจ็ทมองหน้าภรรยา “ อย่าบอกนะว่าคุณจะไล่ผมกลับ” เขาถามกลับตามที่คิด “ ก็ใช่นะซิคะ” เธอยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม เจ็ทถึงกับอึ้งเงียบไป เพราะไม่คิดว่าเธอจะกล้าไล่เขา แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมไม่มีทาง “ มายเลิฟ ถ้าคุณไล่ผม แล้วผมจะไปนอนที่ไหนล่ะ ชาร์มมิ่งหนูดูหมี่มี๊ซิลูก หมี่มี๊ใจร้ายไม่ให้ป๊ะป๋านอนกับหนู ช่วยพูดกับหมี่มี๊ให้หน่อยนะลูกรัก” ชายหนุ่มฟ้องลูกสาวเป็นตุเป็นตะ วิลาลีเห็นท่าทีของเขาแล้วถึงกับปล่อยเสียงหัวเราะออกมา เธออุตส่าห์เก๊กหน้าแกล้งเขาอยู่ตั้งนาน แต่พอเห็นท่าทีของผู้ใหญ่อย่างเขาฟ้องลูกสาวตัวน้อยก็อดไม่ไหวต้องหลุดขำออกมา “ คุณแกล้งผมเหรอมายเลิฟ ชาร์มมิ่งหนูดูหมี่มี๊ซิลูก หมี่มี๊แกล้งป๊ะป๋า” “ โอ๋ ๆ ป๊ะป๋าไม่ต้องเสียใจนะคะ ชาร์มอยู่ข้างป๊ะป๋าเองค่ะ” หนูน้อยกอดรอบลำคอของบิดาเอาไว้แล้วหอมแก้มอย่างเอาใจ “ ป๊ะป๋าอย่าโกรธหมี่มี๊นะคะ เพราะหมี่มี๊เขาเหงา พอป๊ะป๋ามาอยู่ด้วยเขาก็เลยอยากแกล้งเท่านั้นเองค่ะ” หนูน้อยพูดตามความเข้าใจของตัวเอง เพราะเธอเห็นแม่มีความสุขและยิ้มได้มากกว่าทุกวันที่ต้องอยู่กันตามลำพังสองคน “ ป๊ะป๋าไม่โกรธหมี่มี๊หรอกลูกรัก เพราะป๊ะป๋ารักหนูกับหมี่มี๊มากที่สุดในโลก คนรักกันเขาไม่โกรธกันหรอกลูกรัก” เจ็ทบอกกับลูกน้อยด้วยเสียงอ่อนโยน ลูกของเขาช่างเจรจานัก รู้จักพูดเอาใจพ่อกับแม่ด้วยซิ “ ไปอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอนได้แล้วชาร์มมิ่ง พรุ่งนี้หนูต้องไปโรงเรียนอีกนะ” วิลาลีบอกกับลูกสาว แล้วมองหน้าสามี “ แล้วคุณเตรียมเสื้อผ้ามาหรือเปล่าคะที่รัก” พูดแล้วก็รู้สึกอายจนหน้าร้อนผ่าว ก็นานแล้วที่เธอไม่ได้เรียกเขาแบบนี้ แต่คนฟังกลับรู้สึกดี และชอบมากจึงยิ้มกว้างตอบรับ “ อยู่ในรถน่ะมิกซ์ เดี๋ยวผมไปเอาก่อนนะ” เขาส่งลูกสาวให้เธอ “ เอารถมาจอดในบ้านเราดีกว่าค่ะ” “ ครับ มายเลิฟ” เขาจูบปากเธอเบา ๆ หนึ่งทีแล้วเดินจากไป “ หมี่มี๊ขา” “ ขา ว่าไงคะ” เธอละสายตาจากสามีมามองหน้าลูกสาว “ หมี่มี๊รักป๊ะป๋ามั้ยคะ แล้วรักมากแค่ไหนคะ” “ รักซิคะ รักมากเท่า ๆ กับอะไรดีน๊า” เธอทำท่านึกอยู่สักพัก “ รักมากเท่ากับรักชาร์มมิ่งเลยค่ะ” “ แล้วป๊ะป๋ารักหมี่มี๊มั้ยคะ แล้วรักเท่าไหนคะ” เธอถามต่อ “ อันนี้หนูต้องถามป๊ะป๋าเองนะคะ เพราะหมี่มี๊ไม่ใช่ป๊ะป๋าก็เลยไม่รู้ใจป๊ะป๋าเขาน่ะค่ะ” “ ค่ะ ชาร์มจะถามป๊ะป๋าเอง” เด็กน้อยยิ้มอวดฟันขาวเป็นระเบียบ “ ป๊ะป๋าบอกหนูแล้ว หนูอย่าลืมมาบอกหมี่มี๊บ้างนะคะ” เธอขยิบตากับลูกสาวเป็นอันรู้กัน “ ค่ะ แล้วชาร์มจะมาบอกหมี่มี๊นะคะ” หนูน้อยชูนิ้วก้อยสัญญา วิลาลีและชาร์มมิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอน ลูกสาวนั้นอยู่ในชุดนอนกางเกงลายมินนี่เม้าส์ ส่วนแม่ก็อยู่ในชุดนอนกระโปรงสายเดี่ยวเนื้อผ้าบางเบาพร้อมด้วยชุดคลุมตามที่เคยใส่อยู่เป็นประจำ แต่วันนี้เธอกลับรู้สึกขัดเขินพิกลเหมือนแรกรุ่นที่โดนหนุ่ม ๆ จ้องมองยังไงก็ไม่รู้ “ คุณสวยจังมายเลิฟ” เจ็ทเดินตรงไปหาภรรยาแล้วกล่าวชมด้วยนัยตากรุ้มกริ่มต่อหน้าลูกสาว “ เจ็ท เกรงใจลูกบ้างซิคะ” เธอกระซิบบอกสามี “ ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่นา จริงมั้ยลูก” “ จริงค่ะ ป๊ะป๋าขา ป๊ะป๋ารักหมี่มี๊มั้ยคะ” “ รักซิครับ” “ แล้วรักแค่ไหนคะ” หนูน้อยถามต่อไม่มีตกหล่น “ รักเท่าฟ้า รักมากที่สุดเท่ากับรักหนูเลยครับ” เขาจูงลูกสาวและโอบรอบเอวภรรยาเดินไปที่เตียงแล้วนั่งลง “ หมี่มี๊ขาได้ยินที่ป๊ะป๋าตอบแล้วใช่มั้ยคะ อย่างนี้ชาร์มก็ไม่ต้องบอกแล้วนะคะว่าป๊ะป๋าตอบว่ายังไง” วิลาลีรู้สึกเก้อเขิน เพราะไม่คิดว่าลูกสาวของตนจะพูดต่อหน้าพ่อของเขาเช่นนี้ จึงได้แต่ยิ้มอาย แล้วดึงลูกสาวมาหอมแก้มแก้เขิน “ ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะที่รัก มิกซ์เตรียมผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนไว้ในห้องน้ำ แล้วค่ะ” เธอดันหลังเขาให้ลุกจากที่นอน “ เลิกมองได้แล้วมิกซ์อายนะ” “ ก็หมี่มี๊สวยนี่คะ ป๊ะป๋าก็เลยมอง” ชาร์มมิ่งพูดขึ้น “ ชาร์มมิ่งพูดถูกที่สุดเลยจ้ะ” เจ็ทพยักหน้าเห็นด้วย “ คุณไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ ส่วนสาวน้อยของหมี่มี๊ก็นอนได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนอีกนะคะ” “ พรุ่งนี้ให้ป๊ะป๋าไปส่งนะครับ ป๊ะป๋าได้ไปบอกกับครูด้วยว่าเราจะย้ายไปอยู่ที่อื่นกัน” “ ค่ะป๊ะป๋า ชาร์มนอนก่อนนะคะพรุ่งนี้ได้ตื่นแต่เช้า” หนูน้อยยกแขนให้บิดาเดินเข้ามาหาแล้วจูบลาที่แก้มของเขาทั้งสองและทำแบบเดียวกันกับมารดา แล้วจึงเดินลงไปนอนที่เตียงขนาดเล็กของตัวเองที่ตั้งอยู่มุมห้องด้านหนึ่ง ซึ่งรอบเตียงมีขอบกั้นกันตกป้องกันไว้ “ ชาร์มไม่นอนกับหมี่มี๊กับป๊ะป๋าเหรอคะลูก” วิลาลีถามลูกสาวที่ปกติจะนอนบนเตียงใหญ่กับเธอ น้อยครั้งที่จะนอนเตียงของตัวเอง “ ไม่ค่ะ ชาร์มยกเตียงให้ป๊ะป๋าแล้วค่ะ เราสัญญากันไว้แล้ว ถ้าอีกหน่อยย้ายบ้านป๊ะป๋าจะทำห้องนอนลายเจ้าหญิงให้ชาร์มด้วยค่ะ” พูดจบก็เดินขึ้นบันไดไม้เล็ก ๆ ที่วางไว้ข้างเตียง วิลาลีจึงเดินมาห่มผ้าให้ลูกสาวแล้วนั่งลงที่ขอบเตียงเพื่อเล่านิทานให้เธอฟัง จนเธอหลับสนิทในเวลาไม่ถึงสิบนาที แล้วจึงก้มลงหอมแก้มนุ่ม ๆ นั้นหนึ่งที “ ลูกสาวหลับแล้วเหรอมายเลิฟ” เจ็ทเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดนอน ด้วยสีหน้าที่สดชื่นขึ้น “ ค่ะ” เธอตอบรับแล้วลุกขึ้นดึงขอบเตียงด้านนั้นให้สูงเพื่อกันตก “ ลูกหลับเราก็ไปนอนกันได้แล้ว ผมเหนื่อยมาทั้งวัน” “ อย่ามาเจ้าเล่ห์กับมิกซ์นะ คุณติดสินบนอะไรลูกไว้มิกซ์รู้นะคะ” เธอบิดที่หนังท้องของคนที่เดินเข้ามาโอบกอดเธอไว้แรง ๆ เพราะหมั่นไส้ “ โอ๊ย เจ็บนะครับมายเลิฟ” “ ร้องซะเกินจริง มิกซ์ทำเบา ๆ เองนะ” “ ใครบอกว่าเบา” เขาดึงมือของเธอแล้วสอดเข้าไปในเสื้อของเขา วางมันลงตรงที่เธอบิดเมื่อกี้ “ เจ็บจะตายอยู่แล้ว ต้องรักษาให้ผมด้วยนะ” เขาอ้อน วิลาลีชักมือออกหน้าแดงก่ำ ถึงแม้จะห่างกันหลายปี แต่รูปร่างและความสมบูรณ์ของร่างกายเขากลับดูบึกบึนสมชายมากกว่าเก่าเสียอีก “ ไปนอนได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” แล้วเดินนำไปที่เตียงก้มลงกราบหมอน และสวดอะไรพึมพำเป็นภาษาไทยที่เขาไม่เข้าใจ แต่มันก็เข้าทางของเขาที่อยากให้เธอรีบขึ้นเตียงไว ๆ จึงเดินตามไปล้มตัวลงนอนใกล้ ๆ ตอนนี้ทุกอณูในร่างกายของเขามันมีแต่ความเร่าร้อนและเรียกร้องในสิ่งที่ขาดหายไป ไม่เคยมีใครมาแทนที่เธอได้ ตลอดสี่ปีมานี้เขาจึงเหมือนคนที่อดอยากรอแต่จะกินของที่อร่อยและดีที่สุด ซึ่งมันก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว เขานอนรอเธออย่างใจเย็นจนเธอล้มตัวลงนอน เขาจึงไม่รอช้ารีบคว้าตัวเธอเข้ามากกกอดไว้แนบแน่น “ เจ็ท คุณทำอะไรน่ะ เห็นมั้ยคะว่าลูกสาวนอนอยู่ตรงนั้น” วิลาลีเบี่ยงหน้าหนีจมูกซุกซนแล้วพูดต่อว่าเขาเบาที่สุด เพราะกลัวจะทำให้ลูกสาวตื่น “ เห็นซิครับ แต่ถ้าเราไม่เสียงดัง ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา” เขาส่งสายตากรุ้มกริ่มที่เต็มไปด้วยความปรารถนาให้เธอ “ พูดจาน่าเกลียด” เธอทุบเขา แต่เขากลับหลบได้ทันและคว้ามือของเธอไว้ แล้วใช้จมูกทำร้ายเธอกลับไปทั่วทั้งใบหน้าและซอกคอจนเธอเริ่มอ่อนแรง เขาจึงได้ ใจและรุกมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอคล้อยตามและเริ่มส่งเสียงครางประท้วงออกมา แต่ก็เต็มไปด้วยความระมัดระวัง “ มิกซ์ขอผมนะครับ ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน” เขาอ้อนวอนเสียงสั่นพร่า แล้วเลื่อนต่ำไปที่ยอดอกที่มันดันผ่านเนื้อผ้ามาจนเห็นรอยชัดเจน ใช้ริมฝีปากขบเม้มลงไปเบา ๆ ทั้งสองข้างสลับกัน จนเธอแอ่นอกขึ้นรับด้วยความรัญจวน เขาจึงรีบดึงแขนเสื้อของเธอให้รูดลงมาที่เอว แล้วจัดการกับกางเกงนอนของตัวเองอย่างรวดเร็ว วิลาลียกสะโพกขึ้นเพื่อให้เขาถกชุดนอนของเธอขึ้นไปกองไว้ที่เอวได้ถนัด และมองดูความตื่นตัวของเขาอย่างลืมตัว นานแล้วซินะที่เธอไม่เคยได้รับสัมผัสแบบนี้เลย ถึงแม้จะรู้สึกโหยหาอยู่ลึก ๆ แต่เธอก็ไม่เคยต้องการมันจากใคร เพราะเธอยังรอเขาเพียงคนเดียว หญิงสาวแยกขอออกจากกันและรอรับสัมผัสจากเขาด้วยความเต็มใจ เพียงแค่การกระทำไม่ต้องมีคำพูดใด ๆ ออกมา ชายหนุ่มก็รู้แล้วว่าภรรยาของเขากำลังรอคอยความรักจากเขาอยู่ เขาจึงรีบสานต่อและประสานกายให้เป็นหนึ่งเดียวกับเธอ ชายหนุ่มเรียกร้องอย่างเร่าร้อนกับร่างกายของเธอให้สมกับความโหยหาที่ห่างหายมานาน “ อืม เจ็ท มิกซ์รักคุณนะคะ แต่มิกซ์ไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวกอดรัดสามีแนบแน่นแล้วพร่ำคำรักออกไปเสียงสั่นพร่า เธอจิกนิ้วไปที่หลังของเขาแล้วเกร็งไปทั่วทั้งร่าง เพราะมันใกล้ถึงจุดแห่งความปรารถนาแล้ว ชายหนุ่มรับรู้ได้จึงรีบรัวเร็วให้แรงขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้อารมณ์ของเขาและเธอได้ถึงจุดสุดยอดพร้อม ๆ กัน “ อา.../ อืม...” สองเสียงประสานออกมาพร้อม ๆ กันด้วยความสุขสมในที่สุด เจ็ททิ้งกายลงไปบนร่างของภรรยา ในสภาพเดิมและอยู่แบบนั้นไม่ยอมขยับไปไหน “ ออกไปได้แล้วค่ะเจ็ท อย่ามาทำค้าง ๆ คา ๆ แบบนี้นะ” เธอตีเผียะไปที่ต้นแขนที่ยังสวมเสื้อนอนของเขาอยู่ “ ไม่ได้เจอกันตั้งสี่ปีคุณจะไล่ผมไปไหนมายเลิฟ” เขาตัดพ้อแล้วซุกหน้าไปที่ซอกคอหอมกรุ่นของเธอ “ มิกซ์ไม่ได้ไล่นะคะ แค่จะให้คุณนอนดี ๆ เท่านั้น นอนแบบนี้มิกซ์อึดอัดนะคะ” เขาปิดปากช่างเจรจาของภรรยาอย่างดูดดื่ม และเนิ่นนาน ส่งลิ้นเข้าไปสำรวจในโพรงปากของเธอไปทั่ว จนอารมณ์ที่เพิ่งสงบลงไปมันลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งสมกับความตั้งใจของเขา กว่าคืนนั้นจะผ่านพ้นไปได้ วิลาลีก็เปลืองตัวให้สามีไปไม่น้อย และเหมือนลูกสาวของเธอจะเป็นใจให้บิดาของเธอยิ่งนัก เพราะเธอไม่ตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อเข้าห้องน้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว “ หมี่มี๊ขา ป๊ะป๋าขา ตื่นได้แล้วค่ะ” ชาร์มมิ่งตื่นนอนตอนเช้าและเห็นพ่อกับแม่ของตัวเองยังนอนกอดกันกลมอยู่บนเตียงใหญ่ก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ แล้วก้าวลงจากเตียงของตัวเองเพื่อมาปลุกทั้งสองคน “ อืม” วิลาลีร้องประท้วงในลำคอ แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมองลูกสาว และเห็นสามีกำลังกอดกันกลมกับลูกน้อย “ ดูหมี่มี๊ซิลูก ขี้เซาจังเลยเนอะ” เจ็ทโน้มหน้าไปจูบทักทายภรรยาต่อหน้าลูกสาว หนูน้อยเมื่อเห็นบิดาทำแบบนั้นกับมารดาก็ทำตามบ้างกับทั้งสองคน และทั้งสองก็ทำกับลูกสาวเช่นกัน “ ไปอาบน้ำกันดีกว่าลูก” วิลาลีลุกจากเตียงแล้วอุ้มลูกสาวเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยกัน “ ให้ป๊ะป๋าอาบด้วยคนได้มั้ยลูกรัก” “ ได้ค่ะ” “ ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะป๊ะป๋าเป็นผู้ชาย ผู้หญิงไม่ควรอาบน้ำกับผู้ชายมันไม่ดี” วิลาลีพูดแทรก แล้วกระซิบอะไรบางอย่างกับลูกสาว “ ป๊ะป๋าอาบทีหลังนะคะ เพราะถ้าป๊ะป๋าอาบด้วยหมี่มี๊กับชาร์มคงช้าแน่ ๆ ก็ฝักบัวมีแค่อันเดียว” หนูน้อยตอบบิดาก่อนจะโดนประตูห้องน้ำปิดกั้น “ ลูกเผลอเมื่อไหร่ผมจะจับคุณอาบน้ำให้ชุ่มปอดเลยมายเลิฟ” เจ็ทตะโกนไล่หลังภรรยา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข พ่อ แม่ ลูก เดินลงมาจากชั้นบนและพบกับแอนนาที่เดินเข้ามาพอดี หญิงสาวคนใหม่ตกใจไม่น้อยที่เห็นชายหนุ่มในบ้านหลังนี้ “ สวัสดีค่ะน้าแอนนา นี่ป๊ะป๋าของชาร์มมิ่งเองค่ะ” หนูน้อยอวดพี่เลี้ยง “ แอนนา นี่เจ็ทสามีฉันนะ เจ็ทคะแอนนาพี่เลี้ยงของลูกเราค่ะ” “ สวัสดีแอนนา” เจ็ทส่งยิ้มให้อีกฝ่าย “ สะ สวัสดีค่ะ” แอนนาที่อยู่ในช่วงตกตะลึงทักตอบตะกุกตะกัก มองอีกฝ่ายอย่างเสียมารยาท “ โอ้ว คุณที่เป็นกรรมการใช่มั้ยคะ” แอนนาทักหน้าตาตื่นด้วยความตกใจอีกครั้ง “ ใช่ นอกจากเป็นกรรมการแล้วยังเป็นคนที่เดินชนกับชาร์มมิ่งที่หน้าห้องน้ำ ที่คุณมาแย่งเขาไปจากมือผมอีกนะ คุณจำไม่ได้เหรอ” เขาหัวเราะขำ ๆ กับท่าทีของพี่เลี้ยงลูกสาวที่ตาแทบถลนออกมา “ ใช่จริงด้วย คุณนั่นเอง ขอโทษนะ
|