นิยายชุด One Night Stand
เป็นนิยายขนาดสั้น 4 เรื่องที่รวมอยู่ 1 เล่ม ประกอบด้วย
1. อ้อนรัก
2. เคลิ้มรัก
3. กรงรัก
4. สอนรัก
#อ้อนรัก
ตมิสา...เธอคิดว่าเขาเป็นผู้ชายอย่างว่า คิดว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่เธอจะซื้อปรนเปรอตัวเอง
ปุณณภพ ...เขาแอบชอบเธอมานานเหลือเกิน ใครจะคิดว่าบุพเพจะอาละวาดให้เขาและเธอได้คู่กัน
จากคืนร้อนสุดหวาม ได้กลายเป็นรักแท้ชั่วนิรันดร์
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“ขอผมเลี้ยงเครื่องดื่มคุณได้ไหมครับ”
นิ้วสั้นเผลอยกขึ้นชี้ตนเอง ตมิสาไม่คิดว่าจะมีใครมาหยิบยื่นไมตรีให้ในวัยสาวเหลือน้อยแบบนี้
ก็จริงที่เธอไม่ได้หน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แต่ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ก็นับคนมาจีบได้เลยว่ามีไม่ถึงสิบนิ้วในมือ ยิ่งหล่อขนาดนี้ ในที่อโคจรแบบนี้ มันยิ่งไม่น่าเป็นไปได้ หรือว่าคนตรงหน้าจะเป็น...
‘ผู้ชายอย่างว่า’
ต้องใช่แน่ๆ นี่ไงได้คำตอบของทุกกิริยาท่าทางและสายตาหวานๆ ที่เขาส่งมาให้เธออย่างต่อเนื่อง รัศมีแห่งความไม่ไว้ใจ แปรเปลี่ยนเป็นเข้าใจในบัดดล
“ค่ะ” ในที่สุดจิตใจฝ่ายความอยากรู้อยากเห็นก็สั่งให้เธอตอบตกลงออกไป
ตมิสาพาหนุ่มหล่อแปลกหน้าที่เธอยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ หรือจะเรียกว่าถูกเขาพามานั่งที่โต๊ะตัวเองเสียมากกว่า หนุ่มหน้ามนคนเดิมขยับลงนั่งข้างๆ กันบนโซฟา แทนที่จะเป็นเก้าอี้ตัวเดี่ยวอย่างที่ควรจะเป็น เขาขยับเข้ามาในระยะประชิด มันน่าจะทำให้เธออึดอัดหรือตื่นตระหนก แต่กลับกลายเป็นเธอนั่งนิ่งไม่ต่างจากรูปปั้น
ยิ่งไปกว่านั้นพอเขาก้มมากระซิบถามชื่อเครื่องดื่ม เธอกลับหาเสียงตัวเองไม่เจอ หูอื้อ หน้าชาไปหมด ตอนลมหายใจอีกฝ่ายเป่ารดใส่ ไม่ใช่ว่าไม่เคยใกล้ชิดกับผู้ชายในระยะกระซิบคุยกัน แต่กลิ่นน้ำหอม กับเซ็กส์แอพพริลของอีกฝ่ายเล่นเอาใจเธอสั่น
ตมิสาเองก็อดนึกโกรธความไม่เป็นกุลสตรีของตัวเองอยู่ไม่น้อย เธอทำเหมือนเด็กสาววัยรุ่นที่กำลังจะใจแตกเพียงเพราะมีผู้ชายมาจีบ ให้ตายเหอะ เขาเป็นอย่างว่านะ!
เธอจำไม่ได้ว่ากระซิบตอบชื่อเครื่องดื่มว่าอะไร มารู้ตัว
อีกที เครื่องดื่มสีฟ้าก็ถูกวางลงมาตรงหน้า 2 แก้ว
“ผมถือวิสาสะสั่งของโปรดของตัวเองมาให้ หวังว่าคุณคงไม่รังเกียจนะครับ” คนที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ โปรยยิ้มให้คนที่ยังนั่งนิ่งตัวเกร็ง
“ค่ะ” เธอตอบไปแค่นั้น แต่น้ำเสียงเคลิ้มฝันราวกับต้องเวทมนตร์ มือก็รับแก้วมาจากอีกฝ่าย ก่อนจะชนกันเสียงดังคลิ้ง
“ผมชื่อปุณ ปุณณภพ แล้วคุณล่ะครับ ชื่อว่าอะไร” คนที่ได้โอกาสก็รีบแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ ไม่คิดเลยว่าจะเจอเธอในที่อโคจรแบบนี้
“พี่ชื่อตมิสาค่ะ ชื่อเล่นชื่อแต้ว” ยิ่งพิศมองอีกฝ่ายในระยะประชิดก็ยิ่งรู้แน่ชัดว่าตัวเองนั้นแก่กว่าฝ่ายนั้นหลายปีเป็นแน่ ใบหน้าของคนที่เพิ่งแนะนำตัวว่าชื่อปุณณภพนั้นใสกิ๊กไม่ต่างจากหนุ่มวัยรุ่น
“พี่อะไรครับ คุณท่าทางจะรุ่นๆ เดียวกับผมนั่นแหละ”
ไม่ใช่แค่พูด แต่เจ้าของดวงตาแพรวพราวยกมือขึ้นจับลูกผมเธอทัดหู
ให้ตายเหอะ!!!
ทั้งคำพูดทั้งการกระทำที่ถึงเนื้อถึงตัว หรือว่าที่นี่คือบาร์โฮสต์ คนสติแตกอยากตะโกนเรียกเพื่อนๆ มาช่วยกันวิเคราะห์ แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่กลืนน้ำลายลงคอแทน
“พี่มาฉลองวันเกิดอายุครบสามสิบค่ะ” ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องไปแจกแจงเล่าให้เขาฟัง แต่เธอก็ทำไปแล้ว และถ้าให้เดาคนตรงหน้าก็อาจจะไม่เกิน 22-23 เป็นแน่ ก็เล่นหน้าใสเป็นตูดเด็กทารกซะขนาดนั้น
“สามสิบกำลังแจ๋วเลยครับ...”
ตมิสาไม่อยากจะเชื่อหู
“จริงๆ ตอนนี้เทรนด์พี่สาวก็กำลังมา และเขาว่ากันว่ากินคนแก่น่ะเป็นอมตะใช่ไหมครับ”
เธอรู้ตัวเลยว่ากำลังหน้าแดงอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะกล้าปีนเกลียวเธออย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้
แต่จะว่าไปก็ไม่แปลกนี่นะ ก็เขาทำเป็น ‘อาชีพ’ นี่ คงจะมีเรดาร์มองหาสาวทึนและอาจจะคิดไปเองว่าเธอจะกระเป๋าหนัก
“ขอโทษครับ ผมนี่ปากพล่อยจริงๆ” ปุณณภพคิดว่าตัวเองอาจจะรุกเธอหนักเกินไป เขารีบตีปากเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มให้คนที่นั่งนิ่งตัวเกร็ง บอกตรงๆ ว่ายังไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้สนิทสนมกับเธอ
ตมิสาทำได้แค่เพียงยิ้มแหยๆ ตอบ
“แต่ผมพูดจริงนะ เรื่องที่ว่าสามสิบกำลังแจ๋ว”
เธอมองคนที่ขนาดหัวเราะเสียงดังยังน่ามอง ความคิดบ้าๆ บังเกิดขึ้นมาทันที หรือบางทีเขาอาจจะเป็นของขวัญวันเกิดที่ฟ้าประทานมาให้กับเธอ
#เคลิ้มรัก
ติสรณ์...ผู้ชายที่เชื่อว่ารักแท้คือการไม่ครอบครอง
ปาฑิกา...ผู้หญิงที่เคลิ้มไปกับความรักที่เขาปรนเปรอให้
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“แต่งงานกันไหม?”
เรื่องของพวกเขามันเริ่มต้นขึ้นหลังจากคำขอแต่งงานของเธอ
“ที่ถามอ่ะ ได้ยินไหม” ปาฑิกาถามคนที่นั่งนิ่งเป็นสิบนาที
ติสรณ์มองคนตรงหน้าอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆ เพื่อนก็มาขอแต่งงาน
“เอาเก็บไปคิดๆ ดู…วันนี้ปลาขอนอนค้างด้วยนะ”
ติสรณ์กลับมาอึ้งอีกครั้ง เพื่อนไม่เคยขอค้าง ถึงจะสนิทกันมานานนับ 10 ปี แต่เธอกับเขาก็อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ แม้จะต่างเป็นผู้ใหญ่กันแล้วสามารถยับยั้งความรู้สึกได้ แต่มันก็ไม่ควรหรือเปล่าที่จะค้างบนเตียงเดียวกัน
“อาบน้ำก่อนนะ” ปาฑิกาเดินไปเปิดประตูตู้เสื้อผ้า หยิบผ้าขนหนูไม่ต่างจากเป็นเจ้าของห้อง
ติสรณ์ได้แต่มองคนที่เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา
“หิวจัง สั่งอะไรมากินกันไหม” ปาฑิกาก็เดินตัวหอมฉุยมาจากทางด้านหลัง
“เอาสิ” ติสรณ์ได้แต่มองคนที่ถือวิสาสะค้นเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นของเขาออกมาใส่ ก่อนจะเดินมานั่งขัดสมาธิและโทรสั่งพิซซ่าอยู่ข้างๆ กัน
“เอาอะไรพิเศษไหม” เธอขยับมาถามคนที่นั่งเล่นเกมในจอมือถือ
“อะไรก็ได้” เขาไม่ได้ตอบ เอาตรงๆ สมาธิทั้งหมดเสียไปนานแล้ว
สักพักเสียงคุยโทรศัพท์ก็เงียบลง ก่อนที่จะมีขาขาวเนียนมาวางพาดตัก เขาหันไปมองคนที่นั่งพิงหลังไปกับที่วางแขน เพิ่งสังเกตว่าเธอโนบรา ถึงเสื้อจะสีดำ แต่อึ๋มขนาดนั้นมันก็ชัดเจน กางเกงที่ม้วนให้แน่นบวกกับความหลวม ยิ่งโชว์ขาขาวเนียนชัดขึ้น ไม่ได้อยากคิดว่านี่คือการยั่ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ เพราะท่วงท่าที่เซ็กซี่เกินความจำเป็น ผมที่ถูกรวบโชว์คอยาวระหงนั่นอีกล่ะ
“กินเสร็จแล้วจะไปส่งบ้าน” เขาพยายามกลับมามีสมาธิกับเกมอีกครั้ง พยายามไม่สนใจคนตัวหอม
“ไม่กลับ!” เธอกอดอกแน่น ไม่ชอบถูกบังคับ สาเหตุที่มาหาติสรณ์ถึงบ้านชานเมืองของอีกฝ่ายก็เพราะเขาใจดีและมักตามใจเธอเสมอ
“ต้องกลับ…” เขาหันไปบอกคนดื้อ บ้านนี้เป็นที่ปลีกวิเวกยามสุดสัปดาห์ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เขาใช้หนีความวุ่นวาย ถึงเธอและเพื่อนๆ จะเคยมาเที่ยว แต่ก็ไม่เคยมีใครได้รับเชิญให้เข้ามาใช้พื้นที่อันเป็นส่วนตัว
“บ้านเล็กขนาดนี้ ห้องนอนก็มีแค่ห้องเดียว จะมาค้างได้ยังไง”
#กรงรัก
ภาคิน...เขาพลาดท่าบินหลงเขาไปใน ‘กรงรัก’ ของเธอ และไม่เคยคิดจะบินออก อวัศยา...เธออยากหนีไปไกลๆ แต่กลับถูกเขาจับขังเอาไว้ใน ‘กรงรัก’ กรงเดียวกัน จากคืนที่เร่าร้อน ก่อให้เกิดพันธะเสน่หาที่ผูกเธอและเขาเอาไว้ด้วยกัน และมันกำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นความหอมหวานของความรักแท้อันเป็นนิรันดร์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
ภาคินขยับกายขึ้นบิดขี้เกียจ จำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายกำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน แต่ที่น่าแปลกคือเขารู้สึกว่าตัวเองตื่นขึ้นมาด้วยอาการชื่นมื่น มันสุขแบบแปลกๆ รู้สึกราวกับล่องลอยเคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ บรรยากาศรอบตัวกำลังส่งยิ้มให้ ยิ่งเห็นวิวกรุงเทพฯ ตรงหน้าก็อดจะขยับออกไปยืนริมหน้าต่างบานใหญ่ไม่ได้เลย แม้แต่วิววันนี้ก็ยังเป็นใจ แสงแดดอะไรต่อมิอะไรก็ดูมีความสุขไปหมด แต่พอก้มลงมองตัวเองเท่านั้นแหละ ให้ตายเหอะ ทำไมเขายืนแก้ผ้าโทงเทงอยู่แบบนี้ พอพินิจมองก็เห็นรอยฟัน รอยจ้ำแปลกๆ อยู่เต็มบริเวณเนินอก ความรู้สึกแสบๆ ที่กลางหลัง ทำให้เขาพยายามยกมือขึ้นลูบ ก่อนจะขยับไปส่องที่หน้ากระจกและก็ได้เห็นที่มา...รอยเล็บที่ยาวเป็นทาง “ห่า! เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย” ขณะที่กำลังพยายามหาคำตอบ ตาก็เหลือบเห็นบางสิ่งในกระจก ก้อนผ้าห่มที่อยู่ด้านหลังมันขยับได้ เขาหันกลับไปมองก้อนๆ นั้น ก่อนจะสบตากับคนที่โผล่มาแค่ครึ่งหน้า “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด...” เขารีบตะครุบปิดปากจนอีกฝ่ายล้มลงกับเตียงโดยมีเขาตามติดคร่อมทับอยู่แบบนั้น “ไอ้อ้า! ไอ้เอว!” ไอ้บ้า! ไอ้เลว! นี่ปากจัดไม่น้อยเลยนะ “โอ๊ยยยย” ภาคืนรีบสะบัดมือที่ถูกกัดออกห่าง ให้ตายเหอะทำไมร้ายขนาดนี้นะ “ไอ้เลว! แกมันเลว แกมาแก้ผ้าอยู่ในห้องนอนฉันได้ไง” อวัศยาที่เพิ่งตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเบิกบานแบบแปลกๆ พอเห็นชีเปลือยร่างยักษ์ยืนอยู่ปลายเตียง พร้อมกับรู้สึกว่าตัวเองเปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่ม ก็อดที่จะหวีดร้องออกมาสุดเสียงไม่ได้ “เธอ! กิ๊กเด็กของเสือ” พอเห็นหน้าคนตัวหอมที่เขากกกอดมาแทบทั้งคืนก็แทบช็อก ให้ตายเหอะ นี่เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่อนวัชเคยควงไปร้านอาหารนี่นา เขาใช้ผู้หญิงที่พัวพันกับศัตรูหัวใจอีกแล้ว “แก...แก...” ปากถึงกับสั่น “ไอ้แก่ตัณหากลับ แกทำอะไรฉัน…” มือบางขว้างปาทุกสิ่งที่ใกล้มือเท่าที่คว้าได้ ตอนนี้รู้แล้วว่าไม่ได้นอนอยู่ในห้องนอนตัวเอง เธออยู่ที่ไหน ภายในใจเริ่มแตกตื่น กลัวสิ่งที่ตัวเองคิด ยิ่งเห็นว่าไอ้บ้าตรงหน้ามันแก้ผ้าแก้ผ่อน ก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อด้วยซ้ำ “หยุดเลยนะ ยายแมวเถื่อน”
#สอนรัก
อนวัช...เขาหลงรักเธอมานานนับ 10 ปี แต่เธอก็ไม่เคยจะมองเห็น
นพิษฐา...เธอกำลังจะถูก ‘สอน’ ว่าความ ‘รัก’ นั้นเป็นเช่นไร
จากคืนที่แสนเร่าร้อนที่เขาและเธอมีพันธะสัญญากันเพียงคืนเดียว กำลังจะแปรเปลี่ยนเป็นความรักแท้ชั่วนิรันดร์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
“น้ำอุ่นคิดจะครองตัวเป็นโสดตลอดไปจริงๆ เหรอครับ”
ถ้าเป็นก่อนหน้าที่จะคุยกันถูกคอ เธอคงด่าเขาเปิงไปแล้วที่มาสอดรู้สอดเห็นเรื่องส่วนตัวของเธอแบบนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเผลอไปถูกชะตาคนตรงหน้าตอนไหน สุดท้ายก็เผลอปล่อยให้เขาเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวจนได้
“จริงสิ” หันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของคำถาม
“แล้วคุณไม่คิดว่าจะขาดประสบการณ์ในด้านของชายหญิง อะไรแบบนี้บ้างเหรอ”โอกาสไม่ได้มีมากนัก หากไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็คงต้องกล่อมเธอด้วยกล หากเขาไม่ลองจีบเธออีกสักครั้งอาจต้องเสียใจไปชั่วชีวิต
“ทะลึ่งนะ…”
“เปล่าๆ อย่าเพิ่งมองผมเป็นคนไม่ดี ผมหมายถึง…แบบประสบการณ์โรแมนติกที่คนเป็นแฟนเขาทำร่วมกันน่ะ” เขารีบละล่ำละลักแก้ความเข้าใจผิด ยังไม่อยากให้เธอเลิกพูดดีๆ ด้วย เขาอยากจะตะล่อมเสนอให้เธอพิจารณาเขาอีกสักครั้ง ให้เขาอยู่ในสถานะไหนก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ในชีวิตของคนตรงหน้าก็พอ
“ก็อาจจะมีบ้างนะ แต่ถ้าถามว่าที่จะรู้สึกพลาดจริงๆ ก็อาจจะเสียดายเรื่องเซ็กซ์มั้ง”
ถ้าอนวัชกำลังดื่มน้ำ ก็มั่นใจได้เลยว่าเขาคงได้สำลักหรือพ่นน้ำทั้งแก้วออกมาเป็นแน่
“ทำไม ไม่คิดว่าฉันจะกล้าพูดเรื่องนี้เหรอ ฉันก็เป็นคนนะยะ” เอาตามตรงก็ไม่รู้ว่าผีบ้าตัวไหนสิงเธอตอนพูดออกไป เธอทำเหมือนคนตรงหน้าเป็นเพื่อนที่คบกันมานานจนกล้าแชร์ความคิดเห็นที่ค่อนข้างส่วนตัวออกไปตรงๆ
“เปล่า ผมแค่ไม่คิดว่าคุณจะ…”
“ช่างเหอะ เรื่องแบบนี้ในสังคมไทยก็จำกัดสิทธิและเสรีภาพให้กับผู้ชายทั้งนั้นแหละ ขนาดในนิยายหรือในละคร นางเอกก็ยังต้องเวอร์จิ้นเสมอ ก็ไม่แปลกที่ผู้หญิงจะถูกกรอบบ้าๆ นี้มากีดกันเรื่องที่เป็นธรรมชาติของความเป็นมนุษย์ เป็นอันว่าวันนี้เราก็สนิทกันมากขึ้นอีกนิดแล้วกันนะน้องเสือ” ผีบ้าตัวเดิม ทำให้เธอมองหนุ่มหล่อขนาดนี้ว่าเป็นน้องเป็นนุ่งอีก น่าแปลกนะที่เธอสบายใจที่ได้คุยกับคนตรงหน้าจริงๆ อาจเพราะแต่ก่อนเธออคติกับอีกฝ่ายมากเกินไปมั้ง ถึงไม่เคยให้โอกาสเขาได้คุยกันดีๆ อย่างวันนี้
“เอ่อ…ถ้าไม่เป็นการขอมากไป ผมขอเป็นเพื่อนน้ำอุ่นแทนน้องชายได้ไหม” อนวัชจะไม่มีวันปล่อยให้อะไรก็ตามที่เธอเสนอมาต้องหลุดลอยออกไป เขาจะคว้าทุกสิ่งและตั้งใจทำมันให้ดีที่สุด
“อืม...ได้สิ”
“ถ้า…น้ำอุ่นไม่รังเกียจ ผมยินดีจะมอบประสบการณ์แบบคนรักให้คุณ โดยไม่…”