คำโปรย
“เป็นเมียฉันไม่ยาก แค่...รับให้ได้ รุกให้เป็น”
กรณิการ์หน้าร้อนซ่านขึ้นทันที เงยมองหน้าคนพูดแวบหนึ่งก่อนจะก้มหน้างุด หลบสายตาคมนิ่งที่จับจ้องไม่วาง
เขาจะจ้องทำไมนักหนา นี่ถ้าเธอเป็นปลากัด คงท้องเพราะสายตาเขาไปแล้วมั้ง ตาหนวดนี่
“คิดอะไร ทำไมแก้มแดง”
ยังจะถามอีก คนบ้า!
หน้าที่ร้อนจึงยิ่งร้อนวูบวาบ สาวน้อยเผลอตวัดตาค้อน ขณะที่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
โธ่เอ๊ย! คำว่าเมียของเขานี่ มันกินความหมายลึกขนาดไหนนะ ทำไมเธอจะไม่รู้
ฟ้าครามกระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนจะส่ายหน้า สาวใสไร้เดียงสาตรงหน้าเวลานี้ ไร้ซึ่งจริตจกร้านแม้แต่จะปิดบังความคิดของเธอเองได้ นี่เขากำลังคบเด็กสร้างบ้านขนานแท้... เวรจริงไอ้คราม
“ถามทำไมไม่ตอบ” กายสูงใหญ่ขยับเข้ามาใกล้ โน้มตัวลง เท้ามือยันโต๊ะ เท่ากับคร่อมกักร่างบางเอาไว้ตรงกลางระหว่างวงแขน
กรณิการ์ตาโต ผงะถอย หลังกระแทกกับขอบโต๊ะเบาๆ
“ก็... อ้อนไม่รู้จะตอบอะไรนี่คะ”
“หึ คิดมาก คิดลึกล่ะสิถึงหน้าแดงแปร๊ด เด็กน้อยเอ๊ย ฉันหมายถึง เวลามีปัญหา ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องหยุมหยิมอะไร เธอต้องรับมันให้ได้ แล้วก็รู้จักใช้สมองในการแก้ปัญหา นั่นคือการรุกให้เป็น” คนพูดไม่แค่พูด แต่ยังเคาะนิ้วกับหน้าผากมน ไปด้วย
ทั้งน้ำเสียงห้าวขรึม และแววตาติดขบขันนิดๆ นั่น ทำให้สาวน้อยหน้าตึงขึ้น ความร้อนแล่นวาบผ่านดวงหน้าอันเกิดจากความอับอาย เมื่อถูกจับได้ว่า เธอคิดเองเออเองไปไกลขนาดไหน
“ค่ะ อ้อนรู้แล้ว”
“ก็ดี แล้วแบบนี้ล่ะ เธอจะมีวิธีตั้งรับยังไงกรณิการ์”
สิ้นเสียงห้าว ใบหน้ารกแนวเคราก็ยื่นมาใกล้ ลมหายใจอุ่นเป่ารดนวลแก้มใส ให้ใจดวงน้อยหวามไหวกระตุกสั่น
กรณิการ์ผงะอีกครั้ง แล้วต้องส่งเสียงคราง เนื่องจากแผ่นหลังบางกระแทกโต๊ะซ้ำอีก ความเจ็บแปลบที่หลัง ไม่น่าตื่นตกใจเท่าปากได้รูปที่อยู่ชิดใกล้แค่ลมหายใจกั้น
หน้าคมดุเรียบสงบ แววตาขรึมนิ่ง จ้องดวงหน้าตื่นตระหนกของเมียสาว
ราคา
350 บาท