เล่ม 1 : “จางเหิง” คือชายหนุ่มไฟแรงผู้ได้รับหน้าที่ควบคุมไนต์คลับและกิจการด้านมืดมากมาย เขามีทั้งชื่อเสียง เงินทอง อํานาจ และได้รับความนับหน้าถือตาจากลูกน้องในฐานะลูกพี่ใหญ่ ด้วยคุณสมบัติและอาชีพที่ทําอยู่ จึงทําให้มีหญิงสาวมากหน้าหลายตามารุมล้อมไม่เว้นแต่ละวัน ทว่าตั้งแต่ “หงหลี่หมิง” เจ้าหน้าที่ตํารวจอาวุโสก้าวเข้ามาในชีวิต ความสงบสุขที่เขาพึงมีก็จบสิ้นลง ไม่ว่าจางเหิงจะทําอะไรหรือไปที่ไหน ก็ถูกนายตํารวจแช่หงตามประกบติดไม่ห่าง แถมไอ้ผู้ชายในเครื่องแบบนี่ยังจับเขาด้วยข้อหาแปลกประหลาด ทั้งหมดเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ทําให้จางเหิงรู้สึกไม่ถูกชะตากับหงหลี่หมิง แต่เรื่องที่ทําให้เกลียดเจ้าของสายตาเย็นชาคู่นั้นยิ่งกว่า คือขณะอยู่ในห้องสอบสวน หงหลี่หมิงกระทําการอุกอาจกับร่างกายของเขา “ไสหัวไปไอ้ตํารวจเวร! ฉันไม่ได้เป็นเกย์นะเว้ย” เรื่องอัปยศนี้ได้พิสูจน์ให้จางเหิงรู้แล้วว่า ตํารวจเลวที่ทําทุกอย่างได้ตามอําเภอใจอย่างหงหลี่หมิง น่ากลัวกว่าพวกมาเฟียที่เขารู้จักหลายเท่า
เล่ม 2 : กลางดึกคืนหนึ่งในอพาร์ตเมนต์ “หงหลี่หมิง” ตํารวจเลวผู้หล่อเหลากำลังกินบะหมี่โดยไม่สนใจปลายกระบอกปืนที่กําลังเล็งมาตรงหน้าเลยสักนิด กลับกันฝ่ายที่ตัวสั่นงันงกกลับเป็น “จางเหิง” เจ้าของปืนกระบอกดังกล่าวเสียเอง หัวหน้ามาเฟียผู้จนตรอกกัดฟันทั้งน้ำตา สุดท้ายยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไรออกไปก็โดนเจ้าของเสียงเข้มกล่าวบังคับ “ถอดเสื้อผ้าออก” ประโยคเดียวสั้นๆ ที่เปิดทางให้ความรู้สึกปิดกั้นของทั้งสองถาโถมเข้าหากัน การดักฟัง การลักลอบพรางตัว หรือแม้แต่การยิงปืนสวนคู่อริ ไม่ได้ทําให้จางเหิงตื่นเต้นหรือตกใจ หากเป็นสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซึ่งกําลังเกิดขึ้นในตอนนี้ต่างหาก ที่ทําให้มาเฟียหนุ่มรู้สึกใจเต้นไม่เป็นส่ำ และแม้ลมหายใจจะเฉียดใกล้ความตายชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด แต่สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ทางกายอันแสนอัปยศระหว่างเขากับตํารวจเลวๆ อย่างหงหลี่หมิง ก็ทําให้รู้สึกอยากจบชีวิตตัวเองลงไปพร้อมกับการได้รู้สึกมีชีวิตใหม่ในคราเดียวกัน
เล่ม 3 : “หงหลี่หมิง” นายตํารวจผู้ผดุงความยุติธรรม เข้มงวดกวดขัน และเคร่งครัดทุกกระเบียดนิ้วได้สร้างเหตุการณ์สั่นสะเทือนเลือนลั่นวงการมาเฟีย เมื่อเขากล้าทําให้คนระดับ “จางเหิง” อับอายขายหน้า ด้วยการจับตัวอีกฝ่ายมาเป็นเชลย “เพราะคุณเคยทํากับผมเอาไว้มาก ถึงเวลาที่ผมจะได้เอาคืนคุณบ้างแล้ว จากนี้และตลอดไป เจียงหูจะไม่มีหัวหน้าแก๊งชื่อจางเหิงอีก...” หงหลี่หมิงสาบานว่านั่นไม่ใช่คําขู่ เพราะแต่ไหนแต่ไรเขาก็เป็นคนประเภทที่สามารถลิขิตโชคชะตาชีวิตได้ด้วยตัวเอง และแม้ความสัมพันธ์ซึ่งเป็นดั่งเส้นขนานระหว่างเขากับจางเหิงจะไม่มีวันมาบรรจบ แต่เขาก็จะใช้ความเคียดแค้นทั้งหมดที่มี กําราบอีกฝ่ายให้ได้รับโทษทัณฑ์จากเขาตลอดไป ท่ามกลางสงครามความรู้สึกนับล้านที่ประเดประดังเข้ามาไม่หยุดหย่อน และแทบไม่มีหนทางใดที่ชัดเจนพอจะเป็นคําตอบของเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ กลับมีอีกหนึ่งความรู้สึกถูกถักทอขึ้นเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์แสนเปราะบางของทั้งคู่เอาไว้โดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ทันรู้ตัว แต่ขึ้นชื่อว่า “รัก” แม้จะผิดแค่ไหน...อย่างไรก็ยังคงเป็น “รัก”