ภวีร์ เดินสำรวจไปทั่วบ้านระเบียงดาว รู้สึกเหมือนดำลังตามรอยอะไรบางอย่าง พยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก จนอยากจะเลิกค้นหาความทรงจำที่หายไป หากสำนึกบางอย่างบอกเขาว่า...มันเป็นเรื่องสำคัญ...สำคัญจนเทียบเท่าชีวิตของเขา ตัวอย่างทดลองอ่าน ๑ กิจกรรมทุกอย่างในงานคืนสู่เหย้าดูจะหยุดชะงักลงอย่างกะทันหัน เสียงจ้อกแจ้กจอแจเมื่อครู่เงียบลงราวปิดสวิตช์ ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปยังร่างสูงโปร่งซึ่งกำลังนวยนาดเข้างานในชุดแขนกุดสีน้ำเงินกระจ่าง เนื้อผ้าโปร่งบาง หากถูกเย็บซับปิดบังส่วนสงวนไว้อย่างแนบแนียน คอเสื้อรูปตัววีผ่ายาวลงมาเผยร่องอกอิ่มรำไร ก่อนจะทิ้งตัวผ่านเอวคอด สะโพกกลมมนแล้วปล่อยชายพลิ้วสะบัดละต้นขาขาวเนียน ขนตาเป็นแพยาวกระพริบครั้งหนึ่งยามดวงตาที่เจ้าตัวเปลี่ยนสีด้วยคอนแทคส์เลนส์สีน้ำเงินม่วงกวาดมองไปรอบห้องจัดงาน ริมฝีปากแดงอิ่มเป็นมันวาวคลี่รอยยิ้มยวนใจทักทายสายตามากคู่อย่างมั่นใจ ดูเถอะ...แม้แต่สปอตไลท์ที่จับยังพิธีกรบนเวทีเมื่อครู่ยังเปลี่ยนทิศทาง... ศศิราถอนใจ...รู้แก่ใจว่าอีกไม่นานแสงไฟคงเคลื่อนมายังทิศที่เธอนั่งอยู่ ด้วยผู้ซึ่งสะกดทุกสายตากำลังเยื้องกรายตรงมา...ช่างแตกต่างกันเสียจริงกับชุดเรียบ ๆ ของเธอและเพื่อนร่วมโต๊ะอีกสามคนซึ่งจะตกเป็นเป้าสายตาในอีกไม่กี่วินาที... ศศิ...คิดถึงจัง ไม่เจอกันน้านนาน กฤติกาเอ่ยทักเมื่อมาถึงโต๊ะพร้อมแสงไฟสว่างจ้าที่ฉายตามไปเดินแบบมา พอเสร็จก็รีบมายังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย กลัวไม่ทัน นางแบบสาวผู้ได้รับคำกลาวขานว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่งของวงการมองตามสปอตไลท์ที่หมุนกลับไปยังเวที ปริมเคืองแย่ อยู่ ๆ ก็มาแย่งซีน พูดเหมือนกลัวเพื่อนโกรธ หากความภูมิใจและเย้ยหยันน้อย ๆ ในน้ำเสียงทำให้คนฟังนึกรู้ จะนานสักเพียงไหน กฤติกาก็ยังถือดีในความงามของตนไม่เคยเปลี่ยน มาคนเดียวหรือ วีร์ล่ะ ศศิราถามถึงผู้ที่อยู่ในห้วงคำนึงของเธอมาแสนนาน... ศศิ ช่วยส่งจดหมายนี้ให้กิ๊กหน่อยสิ แววตาเฉลียวฉลาดแฝงรอยเขินของภวีร์ยังตรึงติดอยู่ในความทรงจำกระทั่งทุกวันนี้... จำได้ว่าตัวเองรับจดหมายมาพลิกดูอย่างงง ๆ จดหมายอะไรหรือ จดหมายรัก ความตอบของอีกฝ่ายเล่นเอาเธออึ้งไปครู่หนึ่ง บ้าน่า...เอาคืนไป ฉันไม่เอาไปให้หรอก ศศิรายื่นจดหมายคืนด้วยรอยยิ้มฝืดฝืน น่าช่วยหน่อยนะ ศศิ เธอสนิทกับกิ๊ก ช่วยพูดให้ฉันหน่อย ทำไมไม่ส่งเอสเอ็มเอสหรืออีเมล์ล่ะ ก็แบบนี้มันดูโรแมนติกกว่า รู้ด้วยว่าเขาได้รับหรือไม่ได้... ผลที่สุดเธอก็รับเป็นไปรษณีย์จำเป็น จากนั้นไม่นานภวีร์และกฤติกาก็คบกันอย่างเปิดเผยหักอกบรรดาเพื่อนชายหญิงที่เฝ้าหลงปลื้มคนทั้งคู่ และหนึ่งในนั้นก็คือเธอ ซึ่งเพิ่งจะรู้ตัวว่า...มีความรู้สึกพิเศษให้เพื่อน วีร์น่ะหรือ ไม่มาหรอก เอาแต่เก็บตัวอยู่กับบ้าน กฤติกาตอบอย่างเบื่อหน่าย กับภวีร์ที่รัก ๆ เลิก ๆ กันมาตั้งแต่มัธยมปลาย แยกกันไปตอนเรียนมหาวิทยาลัย แล้วกลับมาคบกันอีกหลังจากที่เธอบินจากอังกฤษไปเรียนต่อที่อเมริกากระทั่งกลับมาเป็นนางแบบที่เมืองไทย ความรักหวานชื่นเรียกได้ว่าไม่มีหลงเหลืออยู่ในอารมณ์ นี่หากอีกฝ่ายมิใช่หนุ่มนักเรียนนอกเนื้อหอมรูปหล่อพ่อรวย แถมพกพาความเก่งกาจเข้าขั้นอัจฉริยะไว้แล้วล่ะก็ เธอคงทิ้งเขาไปซะนานแล้ว ไม่เก็บไว้ข้างตัวให้สาวอื่นริษยาตาร้อนเล่นเหมือนตอนนี้หรอก เกิดอะไรขึ้นหรือ กาญจนรีสงสัย ไม่รู้สิ ตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุก็เป็นแบบนี้ อุบัติเหตุอะไร คำถามทันควันของศศิราทำให้เพื่อนร่วมโต๊ะหันมามองเป็นตาเดียว นี่เธอไปอยู่ไหนมาจ๊ะ ศศิ... กาญจนรีย้อนถามเสียงสูง ข่าวออกจะโด่งดัง ภวีร์ โสภณภิรักษ์ นักเศรษฐศาสตร์หนุ่มเนื้อหอมผู้ดำเนินรายการกระเทาะเปลือกเศรษฐกิจ หนึ่งในคณะที่ปรึกษานโยบายการเงินของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ทายาทบริษัทนำเข้ารถยุโรปรายใหญ่ ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ บาดเจ็บสาหัส ตอนเราได้ข่าวยังไปเยี่ยมเลย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ให้เยี่ยม ไม่มีใครได้เยี่ยมหรอก ขนาดฉันเองยังต้องรอให้วีร์กลับมาพักฟื้นที่บ้านก่อนเลยถึงได้เจอ กฤติกาเสริม แล้วตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ น้ำเสียงห่วงใยของศศิราทำให้นางแบบสาวตวัดสายตามอง ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าศศิรามีใจให้ภวีร์มาแต่ไหนแต่ไรหากก็ยังทำตัวเป็นแม่สื่อแม่ชักให้ภวีร์คบกับเธอ... ใบหน้างดงามเชิดสูง ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มเยาะหยัน...คนเฉิ่มเชยอย่างศศิราทำได้ก็แค่นั้น แม้แต่เจ้าตัวเองก็ตระหนักรู้อยู่เต็มอกว่าตนไม่เหมาะสมกับภวีร์ด้วยประการทั้งปวง ก็เหมือนคนสติไม่ค่อยดี... ที่ว่าสติไม่ดีนี่เป็นอย่างไรจ๊ะ กฤติกา น้ำเสียงเข้มงวดแฝงแววปราณีขัดขึ้นด้านหลัง ผู้ร่วมโต๊ะทั้งหมดพร้อมใจกันลุกขึ้นต้อนรับครูสุรางค์ สวัสดีค่ะ ครู ทุกคนกล่าวโดยพร้อมเพรียง พลางขยับที่เชื้อเชิญให้ผู้อาวุโสนั่ง อดีตครูที่ปรึกษาผู้ควบตำแหน่งครูฝ่ายปกครองขยับแว่นกรอบทองของตน มองลูกศิษย์คนสวยตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่งตัวโป๊ไปหน่อยไหมจ๊ะ กฤติกา กล่าวเหมือนตำหนิเด็กนักเรียนในอดีต กฤติกาได้แต่ยิ้มเฝื่อน ๆ...ครูสุรางค์เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเธอมาตลอด พบหน้ากันครั้งใดก็สามารถเรียกความรู้สึกเก่า ๆ ยามถูกเรียกไปอบรมที่ฝ่ายปกครองได้ไม่วาย ที่สำคัญนางเป็นอาของภวีร์... เมื่อกี้ครูได้ยินเธอว่าใครว่าสติไม่ดีหรือ เรากำลังพูดถึงภวีร์ค่ะ ครู จริยาเป็นผู้ตอบ อืม... ผู้เป็นครูพยักหน้ารับรู้ ปรายสายตาตำหนิติติงมาทางเจ้าของใบหน้าสวยที่เสมองไปทางเวที ...อาการของภวีร์ไม่ได้เรียกว่าเสียสติ แค่มีความผิดปกติในสมองนิดหน่อยเท่านั้น น้ำเสียงเน้นย้ำบอกความไม่พอใจอย่างแจ่มชัด อาการเป็นอย่างไรหรือคะครู ศศิราถามอย่างใคร่รู้ ครูบอกไม่ถูกหรอก ดู ๆ ไปก็เหมือนปกติ แต่ถ้าอาการกำเริบขึ้นมาก็จะคลุ้มคลั่งจนแทบจะจับกันไม่อยู่ เขาถึงได้ไม่อยากออกไปไหนไง ประโยคสุดท้ายเหมือนจะต้องการสื่อให้ลูกศิษย์อีกคนที่มองเมินไปยังเวทีได้เข้าใจ ศศิรา กาญจนรี และจริยาจ้องผู้พูดเป็นตาเดียว เอ้า...ทำไมมองครูแบบนั้น มันร้ายแรงถึงอย่างนั้นเชียวหรือคะ ครู ศศิราถาม ภาพเพื่อนชายขี้เล่นและแสนจะอ่อนโยนในอดีตผุดขึ้นในความคิด... ทำไมนั่งซึมอย่างนั้นล่ะ ศศิ ศศิราเงยหน้าขึ้นมองคนถาม เราสอบไม่ติด...เธอล่ะ ... ติดสินะ ตอบแทนเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบงัน ภวีร์เรียนเก่งมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าศศิราจะขยันแค่ไหน ตั้งใจเพียงไรก็ไม่เคยเอาชนะเขาได้ คนอะไรจะเพียบพร้อมไปซะหมด ไหนจะฐานะทางบ้าน ไหนจะมันสมองที่เป็นเลิศ ซ้ำยังหน้าตาดีอีก ขนาดผมถูกไถซะเกรียนสั้นติดหัว ก็ยังไม่สามารถลดความหล่อเหลาของเขาลงไปได้ อย่าคิดมากไปเลย ไม่ใช่ที่สุดของชีวิตสักหน่อย ศศิรามองหน้าเพื่อน สายตาจริงใจของเขาทำให้เธอยิ้มออกมา เรามัวแต่เศร้าเลยลืม ดีใจด้วยนะที่สอบติด ขอบใจ จะกลับหรือยัง เด็กสาวหันไปมองด้านหลัง...สนามฟุตบอลกว้างใหญ่ อนุสาวรีย์สองรัชกาลที่โดดเด่นหน้าหอประชุม ต้นก้ามปูที่ให้ร่มเงาเรียงราย ศศิราดึงสายตากลับมายังขั้นบันไดริมสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ที่เธอมาอาศัยนั่งทอดถอนใจอยู่หลังไปดูผลสอบที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา สงสัยฉันคงไม่มีวาสนาได้ติดพระเกี้ยว คิดอะไรอย่างนั้น กะอีแค่พลาดจากเตรียมอุดม แต่จุฬา ฯ ยังรอเธออยู่นะ คนเป็นเพื่อนให้กำลังใจอย่างอ่อนโยนตามวิสัย นั่นสินะ...ขอบใจที่ให้กำลังใจ กลับกันดีกว่า ศศิราชักชวน อารมณ์สดชื่นขึ้นผิดกับตอนแรก เพราะคำพูดของเขาในวันนั้น ในที่สุดเธอก็ได้เป็นนิสิตของรั้วจามจุรี ติดพระเกี้ยวสมใจ ขณะที่ภวีร์สละสิทธิ์การเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดม กลับมาศึกษาต่อในสถานศึกษาเดิมจนถึงมัธยมหก แล้วสอบได้ทุนไปเรียนต่อด้านเศรษฐศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกาจนจบระดับปริญญาเอก ว่าไงล่ะจ๊ะ... เสียงผู้เป็นครูถามซ้ำเรียกศศิราให้กลับสู่ปัจจุบัน ขอโทษค่ะครู เมื่อกี้ครูว่าอะไรหรือคะ หนูไม่ทันได้ยิน ศศิราส่งยิ้มเขิน ๆ เธอนี่น้า... ครูสุรางค์พูดอย่างเอือมระอา คุยกับครูอยู่แหม็บ ๆ ไม่ทันไรใจลอยซะแล้ว นี่แหละน้า...นักเขียน...ครูชอบอ่านนิยายของเธอมากนะ ศศิราหัวเราะพึมพำขอบคุณเบา ๆ คิดไม่ถึงว่าอดีตครูปกครองจอม***บจะอ่านนิยายรักหวานแหววที่เธอแต่ง ดีนะคะครู ศศิเป็นนักเขียนดังเจ้าของนามปากกา จันทรวี กิ๊กก็เป็นนางแบบดัง ภวีร์ก็เป็นนักวิเคราะห์เศรษฐกิจคนดัง ส่วนปริมนั่นก็พิธีกรชื่อดัง เฮ่อ...รุ่นเรามีแต่คนดัง ๆ แต่ทำไมหนูไม่ดังกับเขาบ้างก็ไม่รู้ กาญจนรีพูดเหมือนน้อยใจหากดวงตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจในฐานะประธานรุ่น จะน้อยใจทำไมล่ะจ๊ะ ยังไงเธอก็เป็นประธานของคนดังพวกนี้ไม่ใช่หรือ กาญจนรี สุรางค์พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะหันกลับมาทางศศิรา ที่ค้างไว้เมื่อกี้...ครูถามเธอว่า พรุ่งนี้ว่างไหมจ๊ะ ครูอยากให้เธอแวะไปหาที่บ้านหน่อย ครูจะให้ศศิไปทำอะไรหรือคะ กฤติกาแทรกขึ้นอย่างระแวง ก็บ้านของครูสุรางค์อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกับครอบครัวของแฟนเธอมิใช่หรือ... แต่ไหนแต่ไร...กฤติการู้สึกอยู่ทุกเมื่อว่าสุรางค์ไม่เคยเห็นชอบกับการคบหากันระหว่างเธอและภวีร์ และโดยเฉพาะเมื่อชายหนุ่มมีปัญหาทางสมอง อดีตครูปกครองของเธอเป็นคอยตอกย้ำหน้าที่ของคนรักที่ดีให้กฤติกาฟังจนเบื่อแทบกระอัก อยากจะกรีดถามนักว่า...ในเมื่อภวีร์ออกจะมีเงินทองเหลือเฟือ จะจ้างคนมาดูแลปรนนิบัติพัดวีสักสองสามคนก็ไม่ใช่เรื่องยากสักนิด ทำไมจะต้องมากะเกณฑ์ให้นางแบบสาวสวยอย่างเธอต้องมาจมปลักอยู่กับ คนป่วยโรคจิต ด้วยเล่า ครูสุรางค์ปรายสายตามองคนถาม แม้จะไม่ชอบพฤติกรรมของอีกฝ่ายอยู่บ้าง หากด้วยจิตใจที่เป็นครูจึงมิเคยนึกรังเกียจรังงอน ยิ่งรู้ว่าเจ้าหล่อนเป็นคนที่หลานชายหลงรักหัวปักหัวปำด้วยแล้ว ยังไงซะก็คงต้องกลายเป็นญาติกันในไม่ช้า นางก็ได้แต่ภาวนาให้กฤติการักภวีร์มากพอที่จะเห็นอกเห็นใจในสภาพที่ชายหนุ่มเป็นอยู่ พรุ่งนี้หนูว่างค่ะครู ศศิราตอบ พวกหนูไปด้วยได้ไหมคะ กาญจนรีถามแทรกขึ้น เผื่อจะได้เจอภวีร์ด้วย ก็เอาสิจ๊ะ ไปกันหลายคนครึกครื้นดี สุรางค์ตอบก่อนจะหันไปทางลูกศิษย์สาวคนสวย เธอก็ไปด้วยสิกฤติกา กฤติกาแอบเบ้หน้าในใจ ขณะแบ่งรับแบ่งสู้ หนูขอดูตารางงานก่อนแล้วกันค่ะ คนชวนแอบถอนใจเมื่อได้ฟังคำตอบ นึกน้อยใจแทนหลานชาย ทำไมนางจะไม่รู้ว่ากฤติกามิได้ห่วงใยภวีร์เลยสักนิด ซ้ำร้ายยังแสดงทีท่าเบื่อหน่ายคนรักของตัวอย่างเปิดเผย ดังนั้นแทนที่ภวีร์จะดีขึ้นเมื่อพบหน้าแฟนสาวกลับกลายเป็นว่าอาการของเขาเป็นต้องกำเริบแทบจะทุกครั้งที่ทั้งคู่พบกัน
|