ตะกร้าสินค้าของคุณ |
---|
ไม่มีสินค้าในตะกร้า |
สินค้าขายดี |
---|
![]() ![]() ![]() |
เฟสบุ๊ค |
---|
ฝ้ายแกมแพร / กฤษณา อโศกสิน / ใหม่ |
---|
|
รายละเอียดสินค้า |
---|
ฉากแรกของนวนิยาย ฝ้ายแกมแพร เริ่มต้นบนขบวนรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระหว่างหญิงสาวแสนสวยท่าทางโก้เก๋และเฉลียวฉลาด กับชายหนุ่มรูปงามที่พรั่งพร้อมด้วยรสนิยมการแต่งกายและบุคลิก ทั้งสองต่างแนะนำตัวซึ่งกันและกันด้วยมิตรภาพที่กำลังจะสานต่อไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นต่อไปในอนาคต...
หล่อน... ทิพยางศุ์ ดิสการ ผู้หญิงที่เขาทราบว่า เป็นทายาทสาวเพียงคนเดียวของ คุณนายทองแสง มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยแห่งฟ้าบางกอก
เขา... ธงฉาน วันประกาศ ทายาทเพียงผู้เดียวของ นักธุรกิจพ่อม่ายและเจ้าของที่ดินมากมายมหาศาลของนายธวัช วันประกาศ
ทว่า... ในความเป็นจริงแล้ว หล่อนเป็นเพียง นางสาวจารวี เด็กสาวกำพร้าที่อยู่ในอุปการะของนางทองแสง มารดาของทิพยางศุ์หรือคุณแอ้ และมีหน้าที่คอยเป็นเพื่อนเล่นกึ่งพี่เลี้ยงให้กับคุณแอ้ เท่านั้นเอง คุณนายทองแสงช่วยส่งเสียให้หล่อนได้เล่าเรียนจนจบเลขานุการมาได้และช่วยทำงานธุรกิจแทนเธอ ส่วนการเดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนี้ เป็นการเดินทางมาทำงานติดต่อเอกสารให้กับนางทองแสงเท่านั้นเอง
ส่วนเขา ทมนัย สายัณห์ยุทธ์ ก็เป็นเพียงคนงานที่นายธวัชนำมาอุ้มชูอุปการะและส่งเสียให้เล่าเรียนจนจบปริญญา และคอยดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวน... ธงฉาน วันประกาศ ชายหนุ่มรุ่นน้องไม่ต่างกับพี่เลี้ยง หาใช่ทายาทที่แท้จริงไม่
ทั้งสอง เป็นเสมือนฝ้ายเนื้อหยาบหนาราคาถูก ที่พยายามจะแปรสภาพ ยกระดับตนเองให้ขึ้นสู่ความเป็นแพรเนื้อดี ด้วยแรงแห่งความทะเยอทะยาน ความโลภ ความฝันใฝ่ในสิ่งที่ตนเองต่างก็ขาดมาตลอดชีวิต
เมื่อความจริงปรากฏ ทมนัย จึงมุ่งเป้าไปยังทิพยางศุ์ หญิงสาวผู้อ่อนแอ ปวกเปียกและไม่เคยคิดอะไรเป็นเลย หญิงสาวพึ่งพาแต่ จารวี เป็นที่ปรึกษาทุกอย่าง เมื่อได้มาเจอชายหนุ่มรูปงามที่มีแต่ตัวอย่างทมนัย และรู้จักชั้นเชิงของการเอาอกใจสตรีเพศ ทิพยางศุ์จึงตกสู่กับดักที่เขาวางเอาไว้โดยไม่อาจล่วงรู้
ในขณะที่จารวีก็เบนเป้าหมายมายังหนุ่มเพลย์บอยที่รูปร่างหน้าตาไม่ได้เรื่องอย่าง ธงฉาน ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นคนสำมะเลเทเมา วันๆเอาแต่ใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งสุรา นารี และการพนัน จนนายธวัชเอง ยังต้องคอยพึ่งพาทมนัย ให้คอยดูแลธงฉาน ไม่ต่างกับเป็นบิดาคนที่สอง เขามีข้อดีเพียงข้อเดียวที่จารวี ต้องการ
นั่นคือเงิน!
และสิ่งนั้นที่จะฉุดหล่อนให้พ้นจากปลักตมของความยากจนที่จารวี เผชิญหน้ากับมันมาทั้งชีวิต หล่อนเกลียดมัน และรู้ดีว่าทมนัย ก็ไม่ต่างกันกับหล่อน เขาจึงพาตัวเข้ามาตีสนิทกับทิพยางศุ์ ทั้งคู่ต่างรู้เช่นเห็นชาติซึ่งกันและกัน แต่ไม่แสดงออกให้คนรอบข้างรับรู้ เพราะมีผลประโยชน์ที่ต่างไขว่คว้าเหมือนกันนั่นเอง
ธงฉานตกหลุมรักความสวยงามและมารยาของจารวี ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจแต่งงานกับเธอ เช่นเดียวกับ ทิพยางศุ์ ที่ยอมขัดใจมารดาเป็นครั้งแรก แต่งงานกับทมนัย ทั้งที่คุณนายทองแสง มองเห็นว่า ว่าที่ลูกเขยคนนี้ ต้องการเข้ามาปอกลอกเงินทองจากเธอ
เกมระหว่าง “ฝ้าย” ที่พยายามเข้าแปรผสมกับ “แพร” หาได้ยอมหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันไม่ ในเมื่อท้ายที่สุด ต่างก็ได้รู้เห็นในธรรมชาติอันแท้จริงของอีกฝ่าย
เมื่อหมดความเสน่หา ธงฉานเริ่มรู้สึกว่า จารวีเป็นผู้หญิงที่ฉลาดเกินไป หล่อนเข้ามาจัดการทุกอย่างในชีวิต แม้แต่ทำให้พ่อของเขาเห็นดีเห็นงามไปกับหล่อน และยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นคนด้อยค่า เข้าทุกขณะ และในเวลาเดียวกัน เขาก็สัมผัสได้ว่า จารวี ไม่ได้รักเขาเลย หล่อนต้องการปอกลอกเงินทองจากเขามากกว่า
ทมนัย ไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตกับคุณแอ้... ทิพยางศุ์เลย หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงในเสป็คของเขาสักอย่างเดียว ผู้หญิงอ่อนแอที่ไม่สามารถตัดสินใจใดๆให้กับชีวิตได้ และคร่ำครวญแต่ความสุขสบาย เมื่อถึงวันที่เขาตัดสินใจย้ายออกจากบ้านของคุณนายทองแสง มารดาของเธอ เขาตระหนักขึ้นมาแล้ว ว่าความสุขที่แท้จริง มันไม่ได้มาจากการได้เป็นมหาเศรษฐี หรือแต่งงานกับผู้หญิงรวยๆ บางที... ความสุขที่เคยเกิดขึ้น มันอาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เหมือนกับที่เขาเคยเผชิญกับมันมาแล้วครั้งหนึ่ง...
บนทางรถไฟสายเหนือเส้นนั้น!
ท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตครอบครัวของทั้งสองคู่ก็ล่มสลาย เมื่อค้นพบความจริง จารวีหย่ากับธงฉาน และปล่อยชายหนุ่มเสเพลผู้นั้นให้กลับเข้าไปอยู่ในวังวนของชีวิตว่างเปล่า ไร้สาระเหมือนเดิม หล่อนตระหนักว่า ตนเองยังมีมันสมองและสองมือ ที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จด้วยตัวเอง ไม่ใช่การเกาะใครเพื่อก้าวขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดนั้น
และทมนัยกับทิพยางศุ์ก็หย่าขาดจากกันเช่นกัน เขาค้นพบหัวใจตัวเองแล้วว่าอยู่ที่ใด ทมนัย ลาออกจากการเป็นลูกจ้างของนายธวัช เริ่มต้นงานใหม่ของตนด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง และเขาก็กลับไปหาผู้หญิงที่เขารักอย่างแท้จริงอีกครั้ง...
ฉากสุดท้ายของฝ้ายแกมแพร คือฉากบนขบวนรถไฟสายกรุงเทพ เชียงใหม่ เหมือนบทแรก ระหว่างสองหนุ่มสาวที่ต่างถอดหน้ากากของตัวเองออก เหลือแต่ความเป็นตัวตนที่แท้จริงและเผชิญหน้ากันเพื่อหาคำตอบของหัวใจ
“เหมือนกับที่คุณแต่งกับคุณแอ้ใช่ไหม?”
“ก็เหมือนกับที่คุณแต่งงานกับคุณธงนั่นแหละ” เขาย้อนทันที “คุณได้บทเรียนเท่าไหร่ ผมก็ได้บทเรียนเท่านั้น... แต่ถึงยังไงผมก็ไม่เสียใจ เพราะผมไม่ได้แต่งด้วยหัวใจ...”
“ค่ะ... คุณดีดลูกคิดก่อนแต่ง...”
“แล้วมันก็พัง...”
เขาพูดเนิบๆ สีหน้าสลดลง
“ดีค่ะ ฉันอยากให้มันพังสักหน...คนอย่างฉันเป็นคนประเภทอวดดี ถ้าไม่พังเสียมั่ง ก็อวดดีว่าเก่งอยู่ร่ำไป”
“คุณได้อะไรบ้างจากความพัง”
“ก็คุณล่ะ?”
“ผมน่ะหรือ ผมได้ค่าทางใจแทนราคาทางวัตถุ... ได้ความรู้สึกหนักแน่นแทนความฉาบฉวย แล้วก็ได้...วิธีดำเนินชีวิตอีกบ้างเล็กน้อย...”
สำนวนของกฤษณา อโศกสิน เป็นสำนวนที่เฉียบคม ด้วยการใช้ภาษาอย่างมีวรรณศิลป์ และแทรกข้อคิดผ่านตัวละครต่างๆได้อย่างละเมียดละไม แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นนิยายเชิงพาฝันที่อ่านด้วยความรื่นรมย์ก็ตาม
ท้ายที่สุดผมขอนำภาพและข้อมูลประวัติย่อๆ ของผู้เขียนในยุคนั้นที่ลงในปกหลังของหนังสือเล่มนี้มาประกอบ รวมถึงภาพปกที่สำนักพิมพ์เพื่อนดี นำมาจัดพิมพ์ใหม่อีกครั้งในปัจจุบัน เผื่อเพื่อนนักอ่านผู้สนใจจะได้หยิบยืมซื้อหามาอ่านได้ครับ
|
สอบถามหรือแสดงความคิดเห็น |
---|
ภาพสินค้า |
---|
370
325 บาท สินค้าหมดชั่วคราว |