ถ้า “อนาสเตเซีย” คือเรื่องราวของการพิสูจน์หญิงสาวลึกลับผู้หนึ่ง ว่าเป็น “เจ้าหญิงอนาสเตเซีย นิโคลัส” ราชธิดาของพระเจ้าซาร์ จริงหรือเปล่า ชีวิตเธอ…ละอองดาว เบ็ญจรงค์ ก็ละม้ายกัน เป็นลูกกำพร้า เป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ที่ดร.ไกร เบ็ญจรงค์ เอามาเลี้ยงไว้ “ถูกแล้ว เจ้าเป็นลูกกำพร้า อายุเพียง 6-7 เดือน เจ้าก็หมดสิ้นทั้งพ่อและแม่ เขาไม่ได้ขจัดเจ้าอย่างสิ่งไม่พึงปรารถนา แต่เขาทั้งสองไม่มีวาสนาพอที่จะโอบอุ้มสายกำเนิด อันเป็นอนุสรณ์แห่งความรักอันล้ำค่าต่อไปได้ เพราะความตายซึ่งไม่เคยผ่อนปรนให้แก่ใคร พ่อทำหน้าที่แทนให้แก่เขาทั้งสองด้วยความเต็มใจยิ่ง หากเมื่อสิ้น ดร.ไกร เขาก็ยังได้ผูกมัดเธอไว้ด้วยเงื่อนไขของพินัยกรรม ที่เธอ…ละอองดาว และเขา…กรกฏ เบ็ญจรงค์ ไม่อาจปฏิเสธได้ สาวน้อยผู้นี้แหละ ที่บิดาของเขาได้ผูกมัดหมายมั่นเอาไว้ให้เป็นสมบัติของเขา สาวน้อยผู้นี้แหละ ผู้ซึ่งเขาพยายามทุกวิถีทาง ในอันที่จะขจัดหล่อนไปให้พ้นทิศทางอย่างไม่พึงปรารถนา จากวันที่ได้มีโอกาสเห็นเป็นครั้งแรก ได้มีโอกาสสังสรรค์ แม้จะเต็มไปด้วยทิฐิและไว้ตัวเข้าหากัน “อะไร” ชนิดหนึ่งได้ก่อเงาขึ้นกลางใจเขาเสียแล้ว เจริญงอกงามขึ้น ทุกคืนทุกวันที่ผ่านไป กรกฏรู้สึกในอารมณ์ลึกลับชนิดนี้ แต่พยายามปฏิเสธโกหกตัวเองมาโดยตลอด จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายว่า เขาไม่ได้รักหล่อน…จะรักไปไม่ได้ เขาเองเป็นผู้แสดงเจตจำนงที่ไม่ต้องการหล่อนมาตั้งแต่ต้น ทั้งๆ ที่ทุกวินาทีที่ผ่านไป คุณธรรม ความดีงามของหญิงสาว แผ่ซึมซาบเข้ามัดหัวใจของเขาแน่นแฟ้นขึ้นทุกขณะ จนในที่สุด ก็หมดหนทางจะกระดิกกระเดี้ย ความทิฐิทระนง เชื่อมั่นในตัวเองตามนิสัยเดิม บังคับให้เขาพยายามอย่างเต็มเหนี่ยวที่จะคิดว่า เขาไม่ได้รักหล่อน ทั้งๆ ที่แก่นแท้ของหัวใจ ท่วมท้นไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน เปรียบไม่ผิดอะไรกับสนิมหรือไฟที่สุมขอน กัดกร่อนลึกลงไปทุกขณะ “ซ่อนรัก รักซ้อนซ่อนรักสลักใจ รักซ่อนซึ้งใน เหตุไฉนเธอจะรู้ ไม่กล้าเอ่ยปาก ให้นึกกระดากอดสู… พี่รู้สึกตัว ก็สุดจะฝืน ถอนใจไม่ขึ้น รักแต่เธอหลงแต่เธอ ตกเป็นทาสสวาทใต้เบื้องบาทเธอ ลุ่มหลงรักเก้อ เพราะรักเธอ ถึงระทม” สำหรับละอองดาว หล่อนมีเหตุผลเช่นไร จึงต้องยินยอมให้เขาผู้นั้นเข้ามามีอิทธิพลบังคับอยู่เหนือชีวิตส่วนตัวของหล่อน จนถึงกับสามารถ “บงการ” ได้ถึงเพียงนั้น เรื่องอะไรที่หล่อนจะต้องเชื่อฟังในการคัดง้างห้ามปรามของเขาด้วย ตั้งแต่เกิดมา หล่อนไม่เคยเสียเชิงใคร เท่ากับเสียให้แก่ “พี่ชายจจำเป็น” ของหล่อนคนนี้ เขาช่าง “ร้าย” กับหล่อนได้ทุกสิ่งทุกอย่าง “น้ำตาแห่งความน้อยใจ เจ็บใจ คลอออกมาเต็มนัยน์ตา หัวใจของหล่อนเป็นแผลลึกเสียแล้ว “เขา” ผู้นี้แหละ เป็นผู้เชือดเฉือนกระทำไว้ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะมาในความหมายเยียวยา พอแตะต้องสัมผัสเข้า มันก็ไม่วายจะเสียวแปลบ” นับแต่ “กัลปังหา, สกาวเดือน-รัศมีแข, มัสยา และแววมยุรา จนกระทั่งนวนิยายรักของ “พนมเทียน” เล่มนี้ ละอองดาว ล้วนนำความประทับใจในความแสนแก่น แสนรัก ของพระ-นาง มาฝากให้ผู้อ่านรื่นรมย์สุขสมอุราเสมอมา ครั้งนี้ ความสดใสหนึ่งของหญิงสาว ที่สว่างไสวผ่องโสภา…ท้องฟ้ายามหลังฝนโปรยปรายสดชื่นงดงามเพียงใด ละอองดาว น้องนางนี้ ก็งามชื่นระรื่นหัวใจดุจนั้น คุณเคยแหงนมองท้องฟ้ายามนั้นบ้างไหม บนท้องฟ้าอันหนาวเหน็บ ซึ่งปกคลุมไปด้วยสะเก็ดพราวพร่างของหิมะ ยามนั้น แสงดาวที่ทอฝ่าหิมะลงมานั้น จะปรากฏเป็นรัศมีพราวพรายแวววาววะวับราวกับ…ละอองดาวที่โปรยปรายประพรมลงมายังพื้นโลก งามตาที่สุด…เยือกเย็นที่สุด นั่นแหละ ละอองดาว! สดใสที่สุด…น่าหลงรักที่สุด นั่นแหละ ละอองดาว!.
|