"ดาวโจร ทำให้ผู้อ่านรุ่นปัจจุบันเข้าใจความหมายของคำว่า “นักเลง” โดยถ่องแท้ ในปัจจุบันคำว่า “นักเลง” ใช้ในความหมายของคนเกกมะเหรกเกเร ระรานคนอื่น แต่ในอดีต คำว่า “นักเลง” ให้ความหมายถึงผู้มีฝีไม้ลายมือในการต่อสู้พอตัว แต่ที่สำคัญคือเป็นคนมีคุณธรรม เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ รักษาเกียรติยิ่งชีวิต ดังนั้น การดวลกันตัวต่อตัวด้วยปืน มีด หรือหมัด จึงสมศักดิ์ศรีของ
ชายชาตรีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ
นวนิยายเรื่องนี้เป็น “บันทึกทางสังคม” ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ผู้ประพันธ์ฉายภาพของกรุงเทพฯ สมัยคุณปู่คุณย่า เมื่อเกือบ 70-80 ปีที่แล้วได้อย่างละเอียดแจ่มชัด อย่างเช่น ตึกเจ็ดชั้นซึ่งเป็นตึกที่สูงที่สุดในเวลานั้น ย่านบันเทิงแถวถนนเยาวราช ย่านการค้าแถวบางลำพู และย่านโสเภณีแถวนางเลิ้ง เป็นต้น ในด้านเหตุการณ์สำคัญ นวนิยายเรื่องนี้กล่าวถึงการคุกคามของลัทธิคอมมิวนิสต์ กองโจรเชิ้ตดำจึงมีบทบาทในการช่วยเหลือประเทศชาติ ทำลายล้างกลุ่มคอมมิวนิสต์ที่วางแผนเข้ายึดแผ่นดินไทย นอกจากนี้ กล่าวถึงความเหลื่อมล้ำในสังคม พ่อค้านายทุนที่เอาเปรียบคนจน ตลอดจนพนักงานของรัฐที่ใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ดังนั้น แม้ว่า
ดาวโจร จะเป็นวรรณกรรมตลาด ในช่วงยุคเฟื่องฟูของวรรณกรรมเพื่อชีวิตยุคแรก ในทศวรรษ 2490 แต่ ดาวโจร ทำหน้าที่กระตุ้นสำนึกทางสังคมไปพร้อมกับให้ความสำเริงอารมณ์แก่ผู้อ่าน
"
|