โปรย1
เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามกรอบหน้ารวมไปถึงก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เริ่มทำงานอย่างหนักหน่วง ช่องท้องของคณัสนันท์ปั่นป่วนเมื่อดวงตาประสานเข้ากับดวงตาที่ดำมืดลงอย่างเห็นได้ชัด “พี่ภัทร...” คณัสนันท์เปล่งเสียงแผ่วอย่างลืมตัว แต่ยังไม่ทันจะได้อธิบายอะไรชายหนุ่มกลับสวนกลับด้วยถ้อยคำที่เสียดแทงหัวใจจนแหว่งไปเกือบครึ่ง “ที่จริงฉันก็ไม่ได้โง่ จนมองสายตาคนอย่างเธอไม่ออก” ภคภัทรโยนสมุดในมือลงกับพื้นอย่างไม่แยแส เขาแค่นหัวเราะกับความจริงที่ซ่อนอยู่ในบันทึกตัวอักษร “ฉันควรจะรู้สึกยังไงดี ที่รู้ว่าเธอคิดเกินเลยไปถึงขั้นนั้น” นอกจากภคภัทรจะเหยียดหยามกันแล้ว เขายังด้อยค่าความรู้สึกของเธออย่างเลือดเย็น ราวกับการที่เธอแอบชอบเขาเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจสำหรับเขา “ต่อให้เป็นความจริงแต่มันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของครีม เพื่อนพี่ภัทรก็ทำไม่ถูก เขาทำตัวไม่มีมารยาท” “อย่าลามปาม! แม่เธอไม่สั่งสอนบ้างหรือไง!” เด็กนี่ยังไม่รู้อีกว่าเป็นเพราะตัวเอง เรื่องราวระหว่างเขากับเขมิกาถึงได้คาราคาซังมาจนถึงทุกวันนี้ “อีกอย่าง ฉันไม่เคยนับญาติกับคนอย่างเธอ ไม่ต้องมาเรียกว่าพี่” “เกลียดอะไรครีมนักหนา” คณัสนันท์รู้มาตลอดว่าภคภัทรไม่ชอบขี้หน้ากัน เพียงแต่เธออยากจะรู้สาเหตุก็เท่านั้นว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรให้เขาขุ่นข้องใจ หรือแค่เขารู้ว่าเธอแอบมีใจก็เลยชิงชังกันแบบนี้ “เพราะเธอเป็นลูกเมียน้อยไง” คนพูดกระตุกยิ้ม เมินต่อสายตาคล้ายตัดพ้อของคนตรงหน้า “เหตุผลแค่นี้ก็น่าจะพอแล้วมั้ง ที่ทำให้ฉันเกลียดเธอ”
โปรย2
“ไอ้โชค” เจ้าของไร่แสงอรุณลูบคางอย่างใช้ความคิด แต่เรื่องแบบนี้คงต้องถามความเห็นคนอื่นด้วย “ครับนาย” โชคชัยเตรียมลุกไปหานาย แต่อีกฝ่ายยกมือห้ามคล้ายว่าให้นั่งที่เดิมไม่ต้องลุก ในขณะเดียวกันคนสนิทก็สังเกตการณ์ไปด้วย ดูเหมือนนายจะอารมณ์ดี แบบว่าอยู่ๆ ก็นั่งยิ้มทั้งที่ตอนแรกยังขมวดคิ้ว “ผู้หญิงจูบตอบแปลว่ามีใจหรือเปล่าวะ” “เอ่อ” เป็นคำถามที่ทำเอาลูกน้องอย่างเขาอ้ำอึ้งพอตัว แต่ความอยากรู้นั้นมีมากกว่าว่าผู้หญิงที่จูบตอบนายเป็นใคร ถึงกับต้องเอามาถามเขาแบบนี้ “มีสิทธิ์เป็นไปได้ครับ เพราะถ้าไม่มีใจก็คงผลักออกแล้ว” “เออ กูก็ว่างั้น” ภคภัทรหัวเราะอยู่ในลำคอ เจ้าของไร่แสงอรุณเอนหลังแนบไปกับเบาะเก้าอี้ทำงาน ก่อนที่จะหันหน้ามองวิวด้านนอกผ่านกระจกที่ติดฟิล์มมืด นัยน์ตาคมเข้มหรี่ลงจับจ้องไปยังบุคคลหนึ่งบริเวณล็อบบี คิ้วเข้มขมวดหากันทันที ภคภัทรมั่นใจว่าตัวเองจำไม่ผิด และเขาไม่คิดดึงสายตาออกจากจุดเดิม กระนั้นปากก็ยังส่งเสียงเรียกคนสนิทที่นั่งทำงานอยู่โต๊ะอีกฟาก “โชค มึงมานี่ที” เจ้าของชื่อรีบลุกจากโต๊ะตัวเองเดินมาหาคนเป็นเจ้านายทันที โชคชัยก้มศีรษะลงมองไปยังจุดหมายปลายทางที่นายกำลังเพ่งเล็ง “คนเสื้อน้ำเงินใช่แขกที่รีสอร์ตเราหรือเปล่า” “อ๋อ...คนนี้” ไม่แปลกที่เจ้านายเขาจะสงสัย เพราะเขาเองก็เห็นลูกค้าคนนั้นนั่งอยู่แต่ตรงนี้หลายวันแล้วเหมือนกัน “น่าจะแขกที่เข้าพักนะครับ มาพักได้สักสามสี่วันแล้วครับนาย” “แล้วทำไมไม่นั่งเล่นในห้องวะ มานั่งอะไรตรงนี้ทุกวัน” แวบหนึ่งภคภัทรหันมองหน้าลูกน้องคู่ใจ “มองไปทีไรกูเจอตลอด” โชคชัยปาดเหงื่อเบาๆ รับรู้ได้ถึงกระแสบางอย่างที่ซ่อนตัวอยู่ในน้ำเสียง “นั่นน่ะสิครับ” “ไปจัดการให้กูที” “ห้ะ?” โชคชัยถึงกับร้องเสียงหลง สมองที่มีอยู่นั้นพยายามประมวลผลแต่ก็ยังช้าเกินไป “ให้ผมจัดการอะไรครับนาย” ภคภัทรยกมือเสยผมลวกๆ รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ปรายตามองคนสนิทแล้วพ่นเสียงชนิดที่ว่าหน่ายใจ “มึงก็ขายของสิวะ!”
|